วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ข้อสอบหน่วยที่ 7 ภาวะผู้นำ Leadership

ข้อที่ 1. ผู้นำในดวงใจ
              อาจารย์เสาวลักษณ์  แย้มตรี เป็นผู้นำในดวงใจของข้าพเจ้า ท่านมีลักษณะที่สุขุม นุ่มลึก เป็นผู้นำที่มีความเข้าใจผู้อยู่ในบังคับบัญชา เห็นคุณค่าของความเป้นมนุย์ ให้ความเท่าเทียมกันของคนทุกคน
ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ อาจารย์เสาวลักษณ์เป็นอาจารย์ที่มอุดมการณ์กว้างไกลในความคิดของข้าพเจ้า เวลาอาจารย์พูดคุยกับคนทุกคนอาจารย์ให้ความเอาใจใส่ ไม่เลือกว่าใครมีความดีความชอบ ใครไม่มีความดีความชอบ อาจารย์ให้โอกาสคนทุกคนเท่าเทียมกันในการแสดงความคิด ความรู้สึกของเขานั้นๆ อาจารย์มักจะให้ทุกคนได้มีโอกาศพูดและไม่เคยที่จะลืมกล่าวชมเชย ให้กำลังใจ แม้ว่าเราจะทำสิ่งเหล่านั้นได้แย่แค่ไหน แต่อาจารย์มีความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน

อาจารย์มีลักษณะโดยเชื่อมโยงกับทฤษฎี ดังนี้
- มีภาวะผู้นำแบบประชาธิปไตย ให้โอกาศคนทุกคนแสดงความคิดเห็น เท่าเทียมกัน ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความสุขในการทำงาน

- มีภาวะผู้นำแบบเผด็จการ  ซึ่งบางครั้งอาจารย์จะเน้นความมีระเบียบวินัย เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ และให้การทำงานบรรลุเป้าหมาย เป็นลักษณผู้นำที่สามารถบังคับบัญชาลูกน้องให้เป็นไปในสิ่งที่ควรจะเป็น

- มีความรู้ ความสามารถ การใช้สติปัญญานั้น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ เมื่อมีสติปัญญาดีก็เกิด
-  เป็นผู้มีสังคมดี คำว่าสังคมดีคือจะต้องมีลักษณะของการเป็นผู้นำที่มีอารมณ์มั่นคงมีวุฒิภาวะ มีความเชื่อมั่นในตนเองมีความสนใจและใช้กิจกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขวางเพื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน
-  เป็นผู้ที่มีแรงกระตุ้นภายใน คือมีจิตสำนึกเกิดขึ้นในตัวของผู้นำ เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ต่อแรงจูงใจที่จะโน้มน้าวให้ผู้ปฏิบัติงานมีความปรารถนาที่จะทำงานตรงนั้นให้เกิดความสำเร็จ
-  เป็นผู้ที่มีทัศนคติที่ดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีผู้นำจะต้องตระหนักในคุณค่าและศักดิ์ศรีของตัวเอง ของลูกน้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน มองโลกในแง่ดีในการที่จะทำให้กิจการต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย

- เป็นนักพัฒนา ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เราอยู่เสมอ
- เป็นผู้ใช้การพูดในการโน้มน้างจิตใจให้คนคล้อยตาม และเห็นพ้องต้องกันไปโดยปริยาย อาซึ่งเวลาอาจารย์พูด เพราะมากทำให้เวลาเราฟังแล้วมีความสุข และเหมือนกับว่าอยู่ในโลกของธรรมะ ดีจริงๆ
 
 
ข้อที่ 2 แนวคิดภาวะผู้นำของศาตราจารย์ นายแพทย์กระแส  ชนะวงศ์ เจ้าของรางวัล รามอนแมกไซไซ สาขาผู้นำชุมชน สำนักนายกรัฐมนตรี ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย โดยสังเขป
 
เงื่อนไขแห่งความสําเร็จ
•ความขยัน
•ความประหยัด
•ศึกษาเพิ่มเติมตลอดเวลา
•เข้ากับคนอื่นได้ดี
 
 หลักการของ ซามูไร
- ไม่กลัว ( No fear )
- ไม่ปลาดใจ ( No Surprise )
- ไม่สงสัย ( No doubt )
- ไม่ลังเลใจ ( No hesitate )
 
การพัฒนาภาวะผู้นำ


"แม้นมิได้เกิดเป็นซามูไร ก็ภูมิใจที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขซามูไร 
 แม้นไม่ได้เป็นถนนจงพอใจที่ได้เป็นบาทวิถี
ภูเขาไฟฟูจียาม่า สวยงามที่สุดก็จริงอยู่ แต่หาทําให้ภูเขาลูกอื่นๆไร้ค่าไม่
 แม้มิได้เกิดเป็นชาย ก็อย่าเสียดายที่เกิดเป็นหญิง เป็นอะไรนั้นไม่สําคัญดอกสําคัญอยู่ที่ว่า เมื่อเป็นอะไรแล้ว จงเป็นให้ดีที่สุดเถิด

พูดให้เป็น มีประเด็นให้คิด Communication, Not Just Information



วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กำลังใจให้เธอ

ล้มแล้วไม่ลุก




ออกจะบ่อยครั้งที่เราวิ่งเล่นแล้วก็ล้มเมื่อตอนเด็กๆแล้วก็ร้องไห้...แต่เราก็ลุกขึ้นด้วยคำปลอบขวัญของคนรอบข้างไม่นานเราก็หยุดร้องไห้เพราะเราเรียนรู้ว่ามันคือความเจ็บปวดแล้วก็หาย



และก็ออกจะบ่อยที่เมื่อโตขึ้นเราทำผิดพลาดแต่ก็ได้รับการให้อภัย...

แล้วเราก็ไม่ทำอีกเพราะเราเรียนรู้ว่าสิ่งไหนผิด...สิ่งไหนถูก



ในวันนี้เราเติบโตขึ้นท่างกลางการเฝ้ามองดูของคนที่รายล้อมตัวเราแล้ว

พวกเขาก็เฝ้ามองเส้นทางชีวิตของเราอยู่ห่างๆในตอนนี้





เส้นทางชีวิตที่ทอดยาวออกไปเรื่อยๆเราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ไหนเพราะเราเองก็ยังเดินไปไม่ถึง

แต่เราก็ได้ประโยชน์จากมันมากมาย...เส้นทางที่ให้ชีวิต ให้ความหวังใจ



เราเรียนรู้ที่จะเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับความแปลกใหม่ที่เข้ามาผสมผสานกับเป้าหมายในชีวิต

ทำให้ทางนี้เริ่มมีสีสันมากขึ้น



อาจจะมีบ้างที่ทางเดินของเราดูไม่เรียบง่ายเลยมันมีกรวด ทราย ก้อนหิน ฝุ่น หมอกควันและมากมายหลายอย่าง

จนทำให้เราเหนื่อยและท้อจนถอดใจ...

หากสิ่งเหล่านี้มาทำให้ชีวิตเธออึมครึม ความหวังใจของเธอลดถอยลง

เธอจะเลือกอย่างไหนล่ะระหว่างสู้ต่อไป หรือถอยหลังกลับ

แน่นอนว่ายังไงเธอก็ต้องสู้ต่อไปเพราะเธอไม่สามารถที่จะถอยกลับไปได้อย่างแน่นอนเพราะเวลาก็ถูกตัดทิ้งไปเหลือเพียงตอนนี้กับวันพรุ่งนี้



ถ้าเธอเหนื่อย เธออาจจะล้มลงก็ได้ในวันหนึ่งแต่อย่าลืมนะว่าเวลาจะถูกตัดทิ้งออกไปเรื่อยๆ

เมื่อเธอล้มแล้วนั่งมองเงาของตัวเองอยู่อย่างนั้นก็เหมือนเธอนั่งรอวันเวลาให้ผ่านไปมันเหมือนคนแพ้แล้วแต่เรายังไม่แพ้สักหน่อย



ลุกขึ้น! เดี๋ยวนี้ ลุกขึ้นตอนที่เธอยังไม่แพ้นี่แหละแม้เราจะเหนื่อยและล้าแค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใช่หรือที่เราจะสู้อย่างผู้ไม่แพ้แม้จะล้มอีกสักกี่ครั้งก็ยังขึ้นชื่อว่าลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง



คนที่ล้มแล้วลุกคือผู้ที่ชนะ --- คนที่ล้มแล้วยอมจำนนท์ต่อชะตาคือผู้ที่กำลังจะพ่ายแพ้

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ข้อสอบ 100 คะแนน

ข้อสอบ
วิชาบริการการพยาบาล หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การสร้างเสริมประสิทธิภาพการบริหารงาน


ข้อ 1 นักศึกษาจงค้นคว้างานวิจัย/วิทยานิพนธ์ ที่เกี่ยวข้องกับ empowerment หรือ motivation ในเชิงบริหารงานการพยาบาล (50 คะแนน)

เรื่อง ผลของการสร้างพลังอำนาจในการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสันหลังต่อความรู้ การรับรู้ และการปฏิบัติตัวเพื่อฟื้นสภาพหลังผ่าตัด



วิจิตรา เชาว์พานนท์ ศษ.ม. (การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์)

สุวรรณา วิภาคสงเคราะห์ ศษ.ม. (สุขศึกษา)

สาลินี ไทยธวัช วท.ม. (สาธารณสุขศาตร์)

1.1 สรุปเป็นบทความวิชาการ ความยาวไม่เกิน 1 ½ หน้ากระดาษ A4

ตอบ

จากการศึกษาผลของการสร้างพลังอำนาจในการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสันหลังต่อ

ความรู้ การรับรู้ และการปฏิบัติตัวเพื่อฟื้นสภาพหลังผ่าตัด ของวิจิตรา เชาว์พานนท์ ,สุววรณา วิภาคสงเคราะห์ และสาลินี ไทยธวัช,(2552) โดยประยุกต์แนวคิดการสร้างพลังอำนาจ(empowerment)ของGibson กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังในสถาบันประสาทวิทยา ระหว่างเดือนสิงหาคม 2551 ถึง กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 70 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 35 ราย กลุ่มควบคุมจำนวน 35 ราย โดยใช้แผนการทดลองแบบ nonrandomized control group pretest-posttest design วิธีดำเนินการวิจัยประกอบด้วย 4 ขั้นตอน โดยกิจกรรมสร้างพลังอำนาจได้แก่ 1) การสร้างสัมพันธภาพ 2) ประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย 3) เสริมสร้างแหล่งพลังอำนาจโดยการสร้างเสริมความรู้และการรับรู้ให้กับผู้ป่วย 4) เสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยในการฝึกปฏิบัติด้วยตนเองและคงไว้ซึ่งพลังอำนาจด้วยตนเอง เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบบันทึกส่วนบุคคล 2) แบบสอบถามความรู้การปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัดกระดูกสันหลัง 3) แบบสอบถามการรับรู้การปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัดกระดูกสันหลัง 4) แบบบันทึกข้อมูลการปฏิบัติตัวเพื่อฟื้นสภาพหลังผ่าตัด 5) คู่มือการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสันหลัง 6) วีดิทัศน์การเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสันหลัง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป โดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test)

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสันหลังที่ได้รับการสร้างพลังอำนาจ 1) มีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้การปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัดกระดูกสันหลังสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2) มีค่าเฉลี่ยคะแนนการรับรู้การปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัดกระดูกสันหลังสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) มีความสามารถในการปฏิบัติตัวเพื่อฟื้นสภาพหลังผ่าตัดสูงกว่าที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ แสดงให้เห็นว่า การสร้างพลังอำนาจเป็นกิจกรรมการที่ช่วยส่งเสริมความรู้ การรับรู้การปฏิบัติตนก่อนและหลังผ่าตัดและความสามารถในการปฏิบัติตัวเพื่อฟื้นสภาพหลังผ่าตัดของผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสันหลังได้

จากการศึกษาของวิจิตรา เชาว์พานนท์ ,สุววรณา วิภาคสงเคราะห์ และสาลินี ไทยธวัช,(2552) จะเห็นได้ว่าการทำแนวคิด ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจมาใช้เพื่อให้ตัวบุคคลเกิดความรู้สึกเห็นความสามารถ สมรรถนะในตัวเองและสามารถให้ความร่วมมือในการบริการงานพยาบาลได้จริง ซึ่งในตัวบุคคลนั้นๆเกิดความเชื่อมั่นในตนเองมองเห็นความสามารถที่มีอยู่ในตนเองและรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจสามารถควบคุมความเป็นอยู่ในชีวิตของตนเองได้ และส่งผลให้งานบริการด้านการพยาบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1.2 กรอบแนวคิด ทฤษฎีที่ใช้ในการวิจัย




คณะผู้วิจัยได้ประยุกต์แยวคิดการสร้างพลังอำนาจ(empowerment) ของGibson โดยมีกิจกรรมการสร้างพลังอำนาจ 4 กิจกรรม คือ (1) การสร้างสัมพันธภาพ (2) การประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย (3) การเสริมสร้างแหล่งพลังอำนาจโดยการสร้างเสริมความรู้ และการรับรู้ให้กับผู้ป่วย และ (4) การเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยในการฝึกปฏิบัติด้วยตนเองและคงไว้ซึ่งพลังอำนาจด้วยตนเอง

ตอบ ทฤษฎีการเสริมสร้างพลังอำนาจ ของกิบสัน


จากการศึกษาของวิจิตรา เชาว์พานนท์ ,สุววรณา วิภาคสงเคราะห์ และสาลินี ไทยธวัช,(2552) คณะผู้วิจัยได้นำแนวคิดการสร้างพลังอำนาจของกิบสัน มาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการพยาบาลโดยพยาบาลเปฌนผู้ช่วยเหลือ ผู้สนับสนุน ผู้สอน ผู้ให้คำปรึกษา ผ่านกระบวนการเผชิญปัญหาของผู้ป่วยซึ่งประกอบด้วยกลไกการควบคุมและกลไกการคิดรู้ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจกระบวนการของการพัฒนาศักยภาพของตนเองในการแก้ไขปัญหาและช่วยให้ผู้ป่วยรับรู้ว่าตนสามารถจัดการกับสถานการณ์หลังการผ่าตัดกระดูกสันหลังได้

กิบสัน (Gibson, 1991) ได้กล่าวถึงการเสริมสร้างพลังอำนาจว่า เป็นแนวคิดที่อธิบายกระบวนการทางสังคม การแสดงถึงการยอมรับและชื่นชม การส่งเสริม การพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถของบุคคลในการตอบสนองความต้องการของตนเองและแก้ปัญหาด้วยตนเอง รวมถึงความสามารถในการใช้ทรัพยากรที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เพื่อให้เกิดความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองและรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจสามารถควบคุมความเป็นอยู่หรือวิถีชีวิตของตนเองได้

พลังอำนาจ หรือ power เป็นคำนาม หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงถึงความสามารถ ความมีอิทธิพล หรือมีอำนาจในการควบคุม และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ส่วนคำว่าการมองอำนาจหรือการให้พลังอำนาจไปสู่บุคคลที่มีพลังอำนาจด้อยกว่าเพื่อให้บุคคลสามารถกระทำสิ่งต่างๆได้ด้วยตนเอง(Llewellyn,1989)

พลังอำนาจเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อชีวิตของบุคคล การมีพลังอำนาจเป็นสิ่งที่มีความหมายและมีคุณค่าต่อความเป็นบุคคลอย่างมาก เป็นพลังผลักดันที่ก่อให้เกิดการแสวงหา การปฏิบัติงานหรือการกระทำสิ่งที่ดีที่สุดตามความสามารถและศักยภาพ ส่งผลให้บุคคลเกิดการพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน รู้สึกมีความหวัง มีพลังในตนเองไม่ท้อถอย สามารถจัดการและควบคุมตนเอง ตลอดจนสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีท่ามกลางปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น นอกจากนี้การมีพลังอำนาจยังสามารถช่วยขจัดความขัดแย้งในตนเองได้จึงกล่าวได้ว่าพลังอำนาจเป็นสิ่งจำเป็นต่อบุคคลในการปฏิบัติงานให้ประสบผลสำเร็จ (ฟาริดา อิบราฮิม,2532 ; Gibson,1995 ; Gilbert,1995 ; Gray,Doan & Church,1990)


ข้อ 2 นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ถึงสิ้นเทอมปีการศึกษาภาคเรียนที่ 1/2553 นักศึกษาจงวิเคราะห์ตนเองในเรื่องส่วนตัว การศึกษาในเทอมนี้ (25 คะแนน)


2.1 ตั้งเป้าหมายวัตถุประสงค์ที่ต้องการทำให้บรรลุผลสำเร็จ

ตอบ การอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบใบประกอบวิชาชีพในเดือนมีนาคมให้ได้แปดวิชาพร้อมกับอ่านหนังสือรายวิชาที่เรียนตลอดปีการศึกษาเพื่อให้สอบผ่านทั้ง Midterm and final

2.2 ใช้หลักการในการบริหารเวลาจัดทำตารางการทำงาน การเรียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ

ตอบ   ส่งอาจารย์ทางเมลล์นะคะ

ข้อ 3 จากการที่นักศึกษาขึ้นฝึกปฏิบัติงานที่ตึกผู้ป่วยทุก Area ให้นักศึกษาทบทวนสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขัดแย้ง (conflict) ในเชิงบริหาร 1 สถานการณ์ (25 คะแนน)


สถานการณ์

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปฝึกปฏิบัติงาน ครั้งหนึ่งได้มีเหตุการณ์คือ พยาบาล ก.เพิ่งย้ายมาทำงานที่หอผู้ป่วยในได้หนึ่งสัปดาห์และยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็น member ตลอดสัปดาห์ พยาบาล ข.เป็นพยาบาลที่ทำงานในหอผู้ป่วยนี้มานานแล้วไม่ยอมช่วยเหลือการทำงานเลย คือพยาบาล ข.เป็น leader แต่แบ่งภาระหน้าที่ที่ leader ควรทำให้พยาบาล ก. ทำแทน เวลารับประทานอาหารต้องผลัดกันพักระหว่างพยาบาล ก.และพยาบาล ข.แต่พยาบาล ข.กลับลงพักช่วงเวลาเดียวกันที่พยาบาลก.พักทำให้จำนวนพยาบาลที่ต้องอยู่ดูแลผู้ป่วยน้อยลง การทำงานก็ล่าช้า เช่น แจกยากิน ฉีดยา เป็นต้น จนวันหนึ่งพยาบาลก.เหนื่อยจากการทำงานที่สมาชิกในทีมก็มีน้อยอยู่แล้วแต่กลับไม่ร่วมด้วยช่วยกันทำงาน ทำให้เกิดการทะเลาะกันในเวรเช้าต่อบ่าย ซึ่งข้าพเจ้าได้รับรู้จากพยาบาล ก.ที่เล่าให้ฟัง

3.1 ถ้านักศึกษาดำรงบทบาทหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล หัวหน้าตึก หัวหน้าเวร หัวหน้าทีม และอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ นักศึกษาจะแก้ไขสถานการณ์นั้นอย่างไร

ตอบ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล : ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งโดยซักถามเหตุผลจากทั้งสองฝ่าย และตักเตือนพยาบาล ข.ให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นหากเป็นความจริงและมอบหมายให้หัวหน้าตึกคอยให้การดูแลควบคุม อาจมีการประชุมกันในองค์กรเพื่อจัดกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานในหอผู้ป่วยต่างๆ เช่นกีฬา หรืออื่นๆ เพื่อให้สมาชิกในองค์กรเกิดความรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้น

หัวหน้าตึก : สอบถามเหตุผล ไต่สวนความถูกผิดและสาเหตุความขัดแย้ง ว่าเกิดจากอะไรเพื่อแก้ไขให้ตรงจุดกล่าวตักเตือนพยาบาลทั้งสองฝ่ายให้มีความรับผิดชอบและเห็นอกเห็นใจกันให้มากขึ้น จัดประชุมกลุ่มภายในหอผู้ป่วยเพื่อกำหนดเป้าหมายการทำงาน บทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย แต่ละตำแหน่งให้มีความชัดเจนมากที่สุด จัดเวรให้มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันในการทำงานเพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกันและลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคล และอาจจะจัดให้มีกิจกรรมสานสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานภายในตึกผู้ป่วย

หัวหน้าเวร : ไต่สวนความผิด ถามเหตุผลจากทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมและกล่าวตักเตือนให้รู้เฉพาะในเวร ให้ทั้งพยาบาล ก และ ข.ปรับความเข้าใจกัน ชี้แจงบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนให้เกิดความเด่นชัด และย้ำเรื่องความรับผิดชอบโดยเปิดโอกาสให้ทั้งสองคนได้เสนอข้อคิดเห็นระบายความรู้สึก และวางเงื่อนไขว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ครั้งที่สองไม่เช่นนั้นจะรายงานหัวหน้าตึก

หัวหน้าทีม : แก้ไขข้อขัดแย้ง ชี้แจงเหตุผลและบทบาทหน้าที่ให้ทั้งสองฝ่ายรับทราบเกิดความเข้าใจ ให้ปรับความเข้าใจกันและหากิจกรรมให้ทั้งสองได้ร่วมด้วยช่วยกันทำเพื่อให้เกิดความสามัคคี หากไม่ดีขึ้นรายงานหัวหน้าเวร (กรณีที่หัวหน้าเวรไม่ทราบเรื่องมาก่อน)



3.2 นักศึกษาจะหาแนวทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้นอีกได้อย่างไร

ตอบ

- กำหนดเป้าหมายในการทำงานของหอผู้ป่วย การพยาบาลผู้ป่วย ให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด พร้อมทั้งบทบาทหน้าที่ที่แต่ละคนได้รับมอบหมาย ให้มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งและงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

- เน้นให้สมาชิกทีมรับทราบเป้าสูงสุดของการปฏิบัติงานว่ามีเป้าหมายเดียวกันให้ทุกคนมีความสามัคคีและช่วยเหลือกันและกัน

- จัดให้มีการสับเปลี่ยนเวรในการทำงานเพื่อลดปัญหาการขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกันระหว่างบุคคล เพื่อให้เกิดความเห็นใจซึ่งกันและกัน

- ผู้บริหารควรจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน เพื่อลดความตึงเครียดในการทำงานของบุคลากรและบรรลุเป้าหมายสู.สุดที่วางไว้ร่วมกัน

- ส่งเสริมให้มีการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในการประสานงานระหว่างทีมหรือหน่วยงานอื่นๆเพื่อให้เกิดความรักใคร พึงพอใจ สามัคคีกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด



วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เหตุผล..สุดท้าย

เหตุผล...สุดท้าย


บ่อยครั้งที่คนเราชอบที่จะเลือกทำ ตัดสินใจ ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ

จนลืมความต้องการของตัวเองว่าคืออะไร

มัวแต่ใส่ใจว่าจะทำสิ่งนู้น สิ่งนี้ ให้เขาพอใจ

จนบางครั้งลืมถามใจตนเองว่า ดีไหม? ควรไหม?



ไม่เป็นอะไรเลย หากสิ่งที่เราทำนั้นดีแก่เขา และเรามีความสุขจริงๆ

และถ้าสิ่งนั้น ใครใครก็มองว่าถูกต้อง



แต่คนเรามีเหตุผลในการกระทำสิ่งต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน

ที่บางครั้งมันก็ถูกเรียกว่า “ข้ออ้าง”



อย่าเฝ้าแต่โทษตัวเองว่าเป็นความผิดของตน หรือโทษตัวเขาเลย

ถ้าหากว่าวันหนึ่งเรารู้สึกเจ็บปวดเพราะความรักของเขา

เพราะเหตุผลที่ทำให้เราเจ็บปวด...มันอาจไม่ได้มีเพียงข้อเดียว



อย่านั่งจมปรักกับน้ำตา แล้วคร่ำครวญว่า “ข้ออ้าง” ของเขาไม่เหมาะสม ไม่เพียงพอ

บางทีเหตุผลของเขาอาจถูกสะสมไว้มาก่อน หลายต่อหลายครั้งที่ทะเลาะกัน

เหมือนการหยอดเหรียญลงไปในกระปุก จนวันหนึ่งมันใกล้จะเต็ม เต็มที

เมื่อช่องว่างในกระปุกเหลือน้อยลงทุกที มันอาจเหลือที่ไว้สำหรับเหรียญเล็กๆเพียงเหรียญเดียว

นั่นอาจจะเป็นเหตุผลสุดท้ายของเขาก็ได้



แม้เหตุผลของเขาที่อาจถูกคุณเรียกว่าข้ออ้างนั้นดูเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ


แต่มันก็คือเหรียญสุดท้ายที่ทำให้ช่องว่างในกระปุกนั้นเต็ม